Every Roads to Web 3.0
ถนนทุกสายมุ่งสู่ เวป 3.0
ถนนทุกสายมุ่งสู่ เวป 3.0
สวัสดีทุกคนน ไม่ได้เขียนบทความยาวมานาน วันนี้จะมาอัปเดทเรื่อง “web 3.0” ซึ่งทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับคำนี้แล้ว เริ่มพูดถึงกันตั้งแต่ปี 2021 แต่คำนี้เริ่มสู่โลกอินเตอร์เน็ตมาตั้งแต่ปี 2014 คนนำมาก็คือ Gavin wood ผู้เคยร่วมก่อตั้ง Ethereum และเป็นผู้ให้กำเนิด Web3 foundation และยังเป็นผู้สร้าง Polkadot network อีกด้วย
web3 มีการพัฒนาในตลาดหมีมาอย่างต่อเนื่อง และเราเริ่มเห็นผลิตภัณฑ์ web2 โดดเข้ามาทดลอง และทดสอบ การทำงานร่วมกับฟีเจอร์ web3 จนเกิดคำใหม่ติดกระแสอีก นั่นคือ web 2.5, ซึ่งโดยรวมหมายถึง เวปที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ web3, web2.5 ออกแบบให้ใช้งานง่าย เข้าถึงง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือน web3 ดั้งเดิม อาทิ การสร้าง wallet ที่ไม่ต้องจด seed phases และสำรองไว้บนคลาวด์ เป็นต้น
ตอนนี้อาจจะยังไม่รู้สึก มันเหมือนกับสมัย web2 และ facebook มาใหม่ๆ น้อยคนที่จะเห็นภาพวันนี้, web3 ก็เช่นกัน วันนี้จำนวนคนใช้งาน Metamask, Uniswap, Aave, Opensea, The Sandbox… อาจจะไม่เท่า Facebook, instagram, twitter แต่เมื่อถึงจุดที่คนเริ่มตระหนักถึงการสูญเสียอำนาจในการควบคุมอินเตอร์เน็ตของเราเอง ก็จะมองหาทางเลือกที่ดีกว่า ที่ได้รับผลประโยชน์มากกว่า ควบคุมข้อมูลของเราได้ดีกว่า โปร่งใส และแฟร์กว่า สุดท้าย ทุกคนก็จะหันมาบนถนนเส้นนี้ สู่ Web3.0 เต็มรูปแบบ…
Web 3.0 คืออะไร
web3 เป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ของอินเตอร์เน็ต โดยมีแนวคิดหลักคือ
“การกระจายอำนาจความเป็นเจ้าของข้อมูลดิจิทัลคืนสู่ผู้ใช้งาน”
การไปถึงคอนเซปดังกล่าว web3 ต้องอาศัย “เทคโนโลยีบล็อกเชน” เป็นหัวใจหลัก ที่จะทำให้เราสร้างระบบที่ไม่ต้องพึ่งตัวกลาง ทำให้ส่งข้อมูลที่มีมูลค่าหากันได้โดยไม่ต้องพึ่งธนาคารหรือผู้ให้บริการ
อย่างเช่น ระบบบัญชีแบบสาธารณะ (open ledger) ทำให้เรามีเครือข่ายระบบบัญชีการเงิน ที่ผู้ใช้เครือข่ายช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องได้ เราจึงสร้างสกุลเงินที่แท้จริงบนอินเตอร์เน็ตได้ และสกุลเงินแรกนั้นก็คือ “บิตคอยน์” และนี่คือจุดเริ่มต้น…
web3 จะสร้างอินเทอร์เน็ตที่มีการกระจายอำนาจมากขึ้น โปร่งใส และเน้นผลประโยชน์ไปที่ผู้ใช้งานเครือข่ายเป็นหลัก อาทิ อนุญาตให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของเนื้อหา สินทรัพย์ดิจิทัล และการสร้างรายได้ที่ยุติธรรมและโปร่งใส รวมไปถึงการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานของแพลตฟอร์มนั้นผ่านโปรโตคอลฉันทามติ
สิ่งเหล่านี้จะจูงใจให้บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ หันมามอบอำนาจให้กับบุคคลมากกว่าองค์กร เพราะมูลค่าที่แท้จริงอยู่ที่คน คนไหลไปทางไหน มูลค่าไหลไปทางนั้น และคนไหลไปหาผลประโยชน์ที่ดีกว่าเสมอ…
Why Web3 ทำไมต้องเวป3
A short story of web123
- อย่างที่กล่าวข้างต้น ถ้ามีทางเลือกที่ได้ผลประโยชน์ที่ดีกว่า เราก็ยินดีครับ ถ้าคุณมีร้านอาหารที่คุณไปทานเป็นประจำ เพราะว่ามันอร่อยมาก คุณยอมจ่ายแม้ว่าเจ้าของร้านจะขึ้นราคา คุณทานเสร็จจ่ายเงินก็แยกย้ายกันไป คุณอาจจะชวนเพื่อนมากินบ้าง แต่คุณก็ยังไม่ได้อะไรตอบแทนจากการชวน
- วันนึงเจ้าของร้านบอกว่า คุณสามารถวิจารณ์เมนูอาหารแต่ละเมนูได้นะ แต่ร้านขอคำวิจารณ์และข้อมูลของคุณนิดหน่อย เพื่อโปรโมทร้าน แลกกับส่วนลดนิดหน่อยในมื้อหน้า แน่นอนว่าคุณคงอดไม่ได้ที่จะวิจารณ์และก็อยากให้คนใกล้ต้ว เพื่อน ครอบครัว มาทานเยอะๆ แต่คุณคงไม่ได้คาดหวังเจ้าส่วนลดนิดหน่อยนั้นเท่าไรหรอก คุณแค่รู้สึกภูมิใจที่ได้แนะนำสิ่งดีๆเท่านั้น…
- มาวันนึงด้วยเทคโนโลยีที่เอื้อในปัจจุบัน เจ้าของร้านตัดสินใจออกโทเค่นพร้อมใช้งาน และได้แจ้งกับคุณเป็นคนแรกๆ แน่นอนคุณไม่ลังเลที่จะมีส่วนร่วม ผู้ถือโทเค่นจะเปรียบเสมือนได้เป็นเจ้าของร้านส่วนหนึ่ง มีสิทธิในการออกความเห็นในทิศทางและเมนูใหม่ๆของร้าน คุณภูมิใจมาก คุณไม่ลังเลที่จะลงทุนการตลาดเพื่อโปรโมทร้าน และสร้างคอมมูนิตี้
- คุณมีส่วนผลักดันเหมือนกับคนอื่นที่ถือโทเค่น เมื่อคนมารวมกันมากขึ้น ร้านได้ประโยชน์ คุณ ผู้ถือโทเค่น และคอมมูนิตี้ ต่างได้ประโยชน์ร่วมกัน … ชะเอิงเอย เมื่อเคราะห์มาถึง เจ้าของร้านเสียชีวิต ยังความเสียใจและสั่นคลอน เจ้าของร้านได้ทำพินัยกรรมมอบร้านนี้ไว้ให้เป็นสาธารณะ และให้ชุมชนผู้ถือโทเค่นเป็นผู้ดูแลต่อไป
- โชคดีที่ร้านบริหารจัดการด้วยโปรโตคอลอัตโนมัติมาโดยตลอด จึงไม่เป็นปัญหาในการดำเนินการต่อไป ชุมชมช่วยกันดู มีการโหวตทิศทางและผลประโยชน์ของร้านอย่างโปร่งใส ผ่านโปรโตคอลฉันทามติ คุณยังรักษาร้านอร่อยในตำนานได้ตราบเท่าอารยธรรมของชุมชนผู้ดูแลจะสูญสิ้น… นั่นล่ะครับ ทำไมต้องเวป3 จบบริบูรณ์ :D
แนวคิดและฟีเจอร์หลักของ เวป3 นั้น คืนอำนาจให้ผู้ใช้งานเต็มที่ ซึ่งแต่ก่อนอำนาจการควบคุมนั้น เราต้องยินยอมให้ องค์กร หรือ ตัวกลาง เป็นคนควบคุม ทีนี้พอผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ บ.เวป2 เขาเห็นว่าการใช้งาน เวป3 นั้น ให้ประโยชน์, ให้ผลตอบแทน และเขามีอำนาจควบคุมการใช้งานได้มากกว่า เป็นอิสระกว่า โปร่งใส เชื่อถือได้อีกต่างหาก สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานจูงใจให้คนเริ่มออกจาก เวป2 มาลอง เวป3 กัน
แน่นอนว่า บ.ยักษ์ใหญ่ก็รู้ตัวครับว่าเทรนด์เริ่มมาทางนี้ มูลค่าอยู่ที่คน คนไปรวมกันตรงไหน มูลค่าก็เกิดที่นั่น (Network effect) และคนวิ่งตามผลประโยชน์ที่ดีกว่า ซึ่ง เวป3 กำลังมอบให้.. บ.เวป2 หลายตัวจึงเริ่มปรับ เริ่มทดลอง เวป3
มาดูฟีเจอร์หลักของ Web 3.0 ที่น่าดึงดูดกันครับ
ผมหยิบรายงานของ a16z crypto 2023 เขาสรุปไว้ดีครับ ตามนี้
- web1: มีแนวคิดกระจายศูนย์ มีการใช้งาน email และ www, ชุมชนช่วยกันดูแล, แต่มีข้อจำกัด และเครือข่ายยังไม่ได้สร้างมูลค่า
- web2: บ.ยักษ์ใหญ่ เริ่มเห็นประโยชน์ เข้ามาจับจองเครือข่าย และสร้างบริการบนเครือข่าย ทำให้เครือข่ายนั้นมีมูลค่า แต่มูลค่านั้นตกไปสู่ บ.ยักษ์ใหญ่ผู้ลงทุน อาจแบ่งมูลค่ามาให้ผู้ใช้บริการบ้างเล็กน้อย
- web3: การมาของบล็อกเชนเทคโนโลยี ทำให้เรากลับไปสร้างเครือข่ายกระจายอำนาจได้ใหม่, ชุมชนดูแลปกครองเครือข่ายและบริการผ่านโปรโตคอลซึ่งมาแทนที่ตัวกลาง หรือบ.ยักษ์ใหญ่, เครือข่ายนั้นสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนร่วมบนเครือข่าย รวมถึง บ.ยักษ์ใหญ่ที่มาใช้เครือข่ายด้วย
ผู้ใช้งานเครือข่าย มีอำนาจ และได้รับผลประโยชน์มากกว่า บน web2 เมื่อเทียบกับ web3
ผู้ใช้งานได้รับอำนาจการควบคุมกลับคืนมา ทำให้ได้รับผลประโยชน์จากการใช้งานเครือข่ายมากขึ้นบนเวป3 👇
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา NFT marketplaces ได้จ่ายเงินลิขสิทธิ์มูลค่าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ในตลาดรองสำหรับผู้สร้าง NFT 👇
- เปรียบเทียบกับ web2 ที่ Meta เช่นกัน ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้เงินลิขสิทธิ์สำหรับผู้สร้างจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ที่ผ่านมาในปี 2022
- ข้อสังเกตุการเปรียบเทียบนี้ยิ่งน่าฉงนเมื่อเทียบกับ Meta ที่มีผู้ใช้รายเดือนประมาณ 3.74 พันล้านคนในขณะที่ผู้ใช้ web3 มีประมาณหลักแสนคนในปัจจุบัน
- แต่ก็ต้องโน้ตไว้ว่า ขณะที่การจ่ายเงินลิขสิทธิ์ใน web3 อยู่ในขั้นตอนทดลองอยู่ คาดหวังว่าจะมีนวัตกรรมและการทดลองที่มากขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้เรายังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์ม web2 และแบรนด์ใหญ่ เริ่มหันมาทดลอง web3 กันมากขึ้นด้วย 👇
เครื่องมือและแพลตฟอร์มเวป3อะไรบ้าง ที่ต้องรู้เบื้องต้น
- Wallets : เครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้จัดการสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นสกุลเงินดิจิทัลและโทเค็น กระเป๋าเงินดิจิทัลยอดนิยมได้แก่ MetaMask และ MyEtherWallet
- DEXs (Decentralized Exchanges): ตลาดแลกเปลี่ยนแบบไร้ตัวกลาง แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ โดยไม่ต้องมีบริษัทกลางเป็นตัวกลาง เช่น Uniswap และ SushiSwap
- เบราว์เซอร์ Web3: เป็นเบราว์เซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับแอปพลิเคชัน Web3 และเว็บไซต์ไร้ตัวกลาง ซึ่งส่วนใหญ่จะมี wallet ในตัว เช่น Brave และ Opera
- องค์กรแบบอัตโนมัติไร้ตัวกลาง (DAOs): องค์กรที่ดำเนินการด้วยสัญญาอัจฉริยะและควบคุมโดยสมาชิกของตน ซึ่ง DAOs เป็นส่วนสำคัญของ Web3 เนื่องจากช่วยให้การตัดสินใจและการจัดการเป็นไปอย่างโปร่งใสและไร้ตัวกลาง
- พื้นที่เก็บข้อมูลแบบไร้ตัวกลาง: แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้เก็บและแบ่งปันข้อมูลอย่างต่อเนื่องและน่าเชื่อถือ เช่น IPFS และ Filecoin
- สัญญาอัจฉริยะ: เป็นสัญญาที่ดำเนินการเองตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในโปรโตคอล ซึ่งสัญญาอัจฉริยะเป็นส่วนสำคัญของ Web3 เนื่องจากช่วยให้แอปพลิเคชันไร้ตัวกลางสามารถทำงานอย่างอัตโนมัติและปลอดภัยโดยไม่ต้องมีบริษัทกลางเป็นตัวกลาง
- Oracles: เครื่องมือที่ช่วยให้สัญญาอัจฉริยะสามารถติดต่อกับข้อมูลจากโลกจริงได้อย่างปลอดภัยและไร้ความเชื่อถือ โดย Oracles เป็นส่วนสำคัญของ Web3 เนื่องจากช่วยให้แอปพลิเคชันไร้ตัวกลางสามารถเข้าถึงและใช้ข้อมูลจากโลกจริงได้อย่างปลอดภัยและไม่ต้องใช้ความเชื่อถือ
- โทเค็นสังคม: เป็นโทเค็นสำหรับชุมชน สังคม ช่วยให้ชุมชนสร้างและจัดการเศรษฐกิจของตนเอง โทเค็นสังคมเป็นส่วนสำคัญของ Web3 เนื่องจากช่วยให้ชุมชนสามารถสร้างสิ่งของ และรางวัลสมาชิกสำหรับการสนับสนุนงาน หรือการสนับสนุนชุมชนของพวกเขาได้
เบื้องต้นทำความรู้จักสิ่งเหล่านี้ไว้ก่อนนะ ในระดับแอดวานซ์ ยังมีอะไรให้เล่นอีกมากในโลกเวป3
ทิ้งท้ายแนวโน้ม web 3.0 ในปี 2023
- ผู้ใช้ใหม่ของ web3 อาจมาจากช่องทางจากการได้รับเหรียญโทเค็นผ่านเกม, แอร์ดรอป และ NFT ก็จะเลือกเก็บเหรียญเหล่านั้นในโปรโตคอล DeFi เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีกว่าธนาคาร ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้ใช้ DeFi เพิ่มขึ้นด้วย
- web3 game จะเป็นประตูสำคัญสำหรับผู้ใช้งานรายใหม่สู่ web3 ปัจจุบัน ธุรกรรมบน เวป3เกมนั้นแซงบน DeFi ไปเรียบร้อย และปริมาณการใช้งาน เกม, metaverse, NFT platform เริ่มกระเตื้องขึ้นในปี 2023
- คาดว่าจะมีการโดดเข้ามาทดลองเกี่ยวกับ DAOs, social tokens, decentralized social networks, web3 media, และหมวดหมู่อื่นๆ อยู่ตลอด ทั้งจาก บ.web2 เดิม และ บ.เกิดใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มไปทางเดียวกันในหมวด DeFi, NFTs และเกม web3
- อย่างเวป Exchange ในโลกคริปโต ก็เริ่มติดฟีเจอร์ web3 เช่นกัน อย่างเช่น Binance เองก็มีฟีเจอร์ Defi และ Wallet direct แต่ที่น่าสะดุดตาก็คือ Okex ที่รีแบรนด์ตัวเองเป็น OKX และเขาก็มุ่งเวป3 อย่างชัดเจน ตามคอนเซป
“The system needs a rewrite” ประมาณว่า rewrite ตัวเองไป web3 ก่อนเลย :D
- Okx web3 wallet ส่วนตัวผมว่ามีความแตกต่างกับของ binance ตรงที่มันเป็น web3 จริงๆ คุณเลือกได้ว่า จะจด seed phases เอง หรือจะใช้แบบผูกเบอร์ ผูกคลาวด์ ของเราแบบ Keyless wallet แต่ไม่ว่าจะแบบไหน เราก็ควบคุมกระเป๋าของเราเอง ควบคุมเงินเราเองได้ 100 เปอร์เซ็นต์
Own the future. Own your data. Own your money.
- หน้าตา Wallet ใช้งานง่าย, ไม่รก, ลื่นไหล และมีครบทุกอย่างบนนั้น Dex, NFT market, Defi ไปลองกันได้ โหลดที่นี่นะ 💃 : Okx wallet web3
บล็อกเชนจะเป็นตัวกระจายอำนาจการควบคุมจากองค์กรที่ควบคุมเครือข่ายไม่กี่องค์กร กระจายสู่ชุมชนผู้ใช้งาน นั่นเป็นกระแสที่กำลังเกิดขึ้นครับ 💁 ชาตด่านล่างนี้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มดังกล่าว
ปล. ยังไม่จบ web3 เพียงเท่านี้ ผมยังมีเรื่องเชิงลึกต่อในส่วนของ Economy of Metaverse web3 ที่ค้างลูกเพจไว้อีก ฮ่าๆ ขอเรียบเรียง รอติดตามกันฮะ
Supported by OKX
Tags: #Web3 #Decentralization #OwnTheFuture #RewriteTheSystem #OKX #OKXWallet #Web3 #a16zcrypto